กลายเป็นโศกนาฎกรรมอันเศร้าสลดสำหรับเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากมีเหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยเหยื่อส่วนใหญ่กลายเป็นเด็กที่ไร้เดียงสา หาทางป้องกันได้ไม่
และที่สำคัญคนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือคนในเครื่องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธเป็นอย่างดี
ปมฆ่า ปมคลั่ง แรงกดดัน เพราะอารมณ์หรือคมแค้น ตามไปย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ พร้อมไขปริศนาเหตุจูงใจเกิดจากอะไรกันแน่?
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 65 ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อายุ 34 ปี อดีตตำรวจซึ่งติดยาเสพติดจนถูกให้ออกจากราชการ ก่อเหตุไม่คาดฝันไล่ทำร้ายเด็กและคนทั่วไปด้วยคมดาบและปืน ก่อนยิงเมีย ลูกชายและตัวเองหนีความผิด
โดยลำดับเหตุการณ์นาทีมรณะเริ่มต้นจากเมื่อช่วงเช้า ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ ได้ไปขึ้นศาลคดียาเสพติด
จากนั้นเวลาประมาณ 12.00 ได้ขับรถกระบะโตโยต้า 4 ประตู สีขาว ออกจากบ้านเพื่อไปรับลูกชาย ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู โดยสะพายย่ามที่ทำมจากถุงกระสอบสีขาว กระสอบปุ๋ย ที่ทั้งมีอาวุธมีด และปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. พร้อมทั้งอาวุธปืนลูกซอง เมื่อจอดรถหน้าอาคารปรากฏว่าไม่เจอลูกชาย อาจจะเกิดอาการเครียด
ประจวบกับช่วงนั้นเป็นช่วงพักกลางวัน เด็กเล็กก่อนวัยเรียนอายุ 2-5 ขวบ ทั้งชายและหญิงกำลังนอนหลับ และมีครูพี่เลี้ยง 6 คน ดูแลอยู่
ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ จึงใช้ปืนลั่นไกยิงพ่อลูกที่อยู่ด้านหน้าศูนย์ฯ เสียชีวิตทันที 2 คน
จากนั้นจึงเดินเข้ามาในอาคารอย่างใจเย็น ก่อนใช้มีดฟันครูพี่เลี้ยงที่เห็นเหตุการณ์พยายามที่จะปิดประตูไม่ให้เข้า เสียชีวิต 2 คน
ด้วยความตกใจทำให้ครูพี่เลี้ยงอีก 4 คน สติแตกวิ่งหนีไปคนล่ะทิศล่ะทาง
ก่อนที่หัวใจพ่อแม่จะแหลกสลายเมื่อ ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ ได้บุกเข้าใช้มีดฟันเด็กนักเรียนที่นอนหลับอย่างบ้าคลั่ง เบื้องต้นเด็กเสียชีวิต 24 คน
หลังจากนั้นได้เข้าไปทำร้ายคนเสียชีวิตอีก 2 คน ที่ อบต.อุทัยสวรรค์
ก่อนขับรถหนีไปเมื่อผ่านมาถึงบ้านหนองกรุงศรี มุ่งหน้าไปบ้านท่าอุทัย ระหว่างทาง เจอประชาชนขี่ จยย.ผ่านมาก็ได้ขับรถพุ่งชนแล้วยิงปืนซ้ำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตคาที่และบาดเจ็บไปเสียชีวิตที่ รพ. รวม 9 คน
จากนั้นเวลาประมาณ 14.30 น. ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ ได้ขับรถเข้าไปในซอยที่บ้านท่าอุทัย ก่อนใช้น้ำมันราดจุดไฟเผารถตัวเอง แล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน ก่อนตัดสินใจใช้ปืนพกขนาด 9 มม. ยิงเมีย พร้อมลูกชาย เสียชีวิตกลางบ้าน แล้วลั่นไกยิงตัวเองตายตาม รวม 3 ศพ เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ทันที 38 ศพ นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอีกจำนวน 10 คน
เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะผู้ก่อเหตุได้ลงมือแม้กระทั่งกับเด็กที่ไร้เดียงสา ที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากน้ำมือมัจจุราชได้
เหตุใดกันฆาตกรถึงต้องลงมือกับเด็กโดยเฉพาะเจาะจง รวมถึงผู้บริสุทธิ์ในระแวกใกล้เคียงที่เกิดขึ้น สติแตกคลุ้มคลั่ง แรงกดดันหรือ เพราะความแค้นที่ต้องการระบาย
จากปากญาติของผู้ก่อเหตุพบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ เคยพูดกับคนแถวบ้านว่า “จะฆ่าตำรวจทั้งโรงพักเลย เพราะทำให้เขาถูกไล่ออกจากราชการ”
ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวพยายามบอกให้เลิกเสพยา เพราะกลัวจะมีอาการหลอน และไปก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่าครั้งนี้ที่ลงมือเพราะฤทธิ์ยาเสพติด
ส่วนแฟนสาวที่เสียชีวิตในบ้าน ที่จริงแล้วเป็นแฟนใหม่ที่คบหากันได้ 2-3 ปี และเด็กชายที่โดนยิงก็ไม่ใช่ลูกของผู้ก่อเหตุ แต่เป็นลูกติดของแฟนสาว
จากข้อมูลข้างต้นดูเหมือนว่า ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ จะมีอารมณ์โกรธแค้นพอสมควรกับมรสุมชีวิตที่เกิด
สอดคล้องกับข้อมูลคนในละแวกบ้านที่ได้เปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจนถูกไล่ออก จึงถูกคนในชุมชนตราหน้าว่าเป็นตำรวจเลว
ซึ่งข้อหานี้ส่งผลกระทบกับลูกชายที่เรียนในศูนย์เด็กเล็กที่ต้องใช้ชีวิตอย่างมีปมด้อย จึงอาจจะเกิดความเคียดแค้นต่อคนในชุมชนจึงได้เอาความแค้นมาลงที่เด็กแล้วก่อเหตุ
และอีกหนึ่งแรงจูงใจคือผู้ก่อเหตุโดนคดียาเสพติดเลยขอให้ผู้ใหญ่ทางการเมืองช่วย แต่ท่านไม่สามารถช่วยได้ จึงอาจกลายเป็นความแค้นสะสม ให้มาก่อเหตุในศูนย์เด็กเล็ก เพราะหลานผู้ใหญ่ท่านนั้นเป็นครูที่นั่น
อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่อาจจะตัดทิ้งไม่ได้ ผู้ก่อเหตุอาจจะเกิดความเครียด ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ทั้งเงินสู้คดี และเงินใช้จ่ายและคาดว่าผู้ก่อเหตุอาจเตรียมการวางแผนมาแล้ว เพราะเคยพูดกับแม่และทนายว่า “คงไม่ได้เจอกันอีก”
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ความแค้น ความเครียด ความคลั่ง ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ใช้เป็นข้ออ้างในการลงมือสังหารโหดไม่ได้
ถึงแม้ว่าตอนลงมือปีศาจอาจจะเข้าสิง แต่ขณะที่จับมีดและปืน แววตาที่ไร้เดียงสาไม่อาจปลุกเทวดาในใจคุณได้บ้างเลยหรือ…….