Latest Post

“โบ-ฟลุค” จัดงานวันเกิดให้ “อชิ” โมเมนต์น่ารัก “มิย่า” ร่วมเฟรมด้วย “อั้ม-เมย์” ชวนกันกินส้มตำร้านแถวบ้าน แต่งตัวสุดชิล แต่สะดุดตามาก

คุณแม่ชาวจีนสังเกตเห็นรูปวาดแปลกๆ บนหลังมือลูกสาว ยิ่งฟังลูกเล่ายิ่งไม่ไว้ใจคุณครู ตัดสินใจรายงานตำรวจช่วยจับตา สุดท้ายตำรวจสรุปว่าการคาดการณ์ของแม่ถูกต้องสมบูรณ์!

คุณเอ (นามสมุมติ) เจ้าของร้านขาย กล่องคราฟท์ กล่องกระดาษคราฟท์ อาศัยอยู่ในประเทศจีน มีลูกสาววัย 4 ขวบที่น่ารักมาก หนูน้อยมีดวงตาที่กลมโตและมีลักยิ้มที่น่ารัก สำหรับคุณเอและสามีแล้ว ลูกสาวคือสมบัติล้ำค่า ตั้งแต่ลูกสาวเข้าเรียนชั้นอนุบาลเธอก็พูดคุยกับลูกทุกวันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

ทุกครั้งที่ลูกกลับจากโรงเรียน พ่อแม่จะถามลูกสาวว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามีอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจหรือเศร้าใจก็สามารถเล่าให้ฟังได้ ด้วยเหตุนี้จึงพบความผิดปกติที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเลวร้ายบางอย่าง และสามารถจัดการได้ทันเวลาเพื่อปกป้องลูกของตัวเอง

เย็นวันหนึ่ง คุณเอจับมือลูกสาวแล้วดึงให้นั่งตักถามเรื่องเรียน ซึ่งเป็นท่าทางตามนิสัยปกติที่เธอชอบทำอยู่แล้ว แต่จู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นลวดลายประหลาดที่หลังมือ เธอถามออกไปทันทีว่า “นี่คืออะไรลูก?” และเด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็ตอบกลับมาว่า “นี่คือรหัสผ่านของคุณครู ครูบอกหนูว่าอย่าบอกพ่อแม่” เมื่อคนเป็นแม่ได้ยินแบบนั้นก็กังวลมาก แต่เธอยังพยายามอดทนใจเย็นเพื่อเกลี้ยกล่อมลูกให้ค่อยๆ เล่าทุกอย่างออกมา

ลูกสาวของเธอเล่าว่า วันนี้ตอนหลังเลิกเรียนระหว่างรอรถกลับบ้าน มีผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นครูมาเลือกนักเรียนบางคนเพื่อเปิดคลาสเต้นแอโรบิก และหลังจากเต้นเสร็จครูก็ได้วาดรูปดอกไม้นี้ไว้ที่มือของเธอ และสั่งให้มารวมตัวกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ประตูหลังโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ เพราะครูจะพาพวกเธอไปกินไก่ทอดเป็นรางวัลสำหรับนักเรียนที่เต้นได้สวย อย่างไรก็ตาม ครูย้ำเตือนด้วยว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใครโดยเด็ดขาด รวมถึงผู้ปกครองด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างครูและนักเรียนเท่านั้น

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด คุณเอตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ยังถามคำถามง่ายๆ อีกสองสามข้อเพื่อความแน่ใจ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างที่น่าสงสัยมาก และเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นจึงรีบติดต่อกับตำรวจเพื่อรายงานเหตุการณ์ทั้งหมด และไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ได้พบกับคำยืนยันที่ทำเอาใจหาย เมื่อตำรวจสืบสวนซ้อนแผนไปตามจุดนัดพบที่ประตูหลังโรงเรียน และพบว่า “ครู” คนนั้นเป็นสมาชิกขององค์กรค้าเด็กจริงๆ จึงถือเป็นโชคดีที่เธอสามารถช่วยลูกตัวเองและเด็กคนอื่นๆ ที่อาจตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้ไว้ได้