พ่อเฒ่าวัย 71 คว้ามีดฟันปากเมีย แผลเหวอะถึงหูดับสยอง ทั้งที่เพิ่งอยู่กินกันได้เดือนเดียว อ้างโมโหถูกด่าบุพการี
(27 ก.พ.64) ร.ต.อ.ไชยรัตน์ วงศ์ศรี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ทะเมนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่บ้าน ม.6 ต.บุโพธิ์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร และหน่วยกู้ภัยฯ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เมื่อเข้าไปตรวจสอบบริเวณหน้าบ้านพบกองเลือด และรอยเลือดหยดเป็นทางยาวไปจนถึงในห้องนอน และพบศพ นางวิไล อายุ 50 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นปูนในสภาพนอนตะแคงหน้าคว่ำกับพื้น ใส่ผ้าถุงสีชมพูลายและสวมเสื้อยืดสีแดงสลับขาวลายการ์ตูน จากการตรวจสอบสภาพศพพบบริเวณปากและใบหน้าด้านซ้ายถูกของมีคมฟันเป็นแผลเหวอะหวะ 4-5 แผล บางแผลยาวไปจนถึงใบหูเป็นที่น่าสยดสยอง และพบมีดตะขอเปื้อนเลือดอยู่ภายในที่เกิดเหตุด้วย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่าเมื่อคืนประมาณ 4-5 ทุ่ม ได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันดังลั่น แต่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะหลังจากทั้งคู่มาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาได้ประมาณ 1 เดือน ก็มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อย จึงไม่มีใครเอะใจว่าจะเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น กระทั่งรุ่งเช้าเพื่อนบ้านที่เคยมาคุยเล่นด้วยเดินผ่านมาหน้าบ้านเห็นกองเลือด และพบศพนางวิไล นอนเสียชีวิตอยู่ จึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ และเชื่อว่าคนก่อเหตุเป็น นายสิงห์ อายุ 71 ปีอดีตรปภ.โรงงานผลิต โฟมตัวหนอน โฟมกันกระแทก สามีนางวิไล ซึ่งหลังก่อเหตุก็ได้ปั่นจักรยานหลบหนีไป
กระทั่งเวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทะเมนชัย สามารถจับกุมตัวนายสิงห์ ผู้ก่อเหตุได้ขณะปั่นจักรยานกำลังจะผ่านหน้าโรงพัก มุ่งหน้าจะไปทางสถานีรถไฟซึ่งอยู่ห่างจากโรงพักเพียงประมาณ 500 เมตร แต่พอเจ้าหน้าที่สอบถามนายสิงห์ กลับอ้างว่ากำลังจะปั่นจักรยานมามอบตัวพอดี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะท้ายรถจักรยานมีถุงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ จึงคาดว่าน่าจะตั้งใจหลบหนีไปขึ้นรถไฟมากกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมนายสิงห์ ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ
ซึ่งจากการสอบปากคำนายสิงห์ ผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดขอที่ใช้สำหรับตัดอ้อยกระหน่ำฟัน นางวิไล จนเสียชีวิตจริง โดยอ้างว่าโมโหที่ถูกนางวิไล ด่าบุพการีและต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายหลายครั้ง จึงทนไม่ไหวคว้ามีดกระหน่ำฟันจนตาย ทั้งยอมรับว่าตนเองมาอยู่กินกับนางวิไล แบบผัวเมียได้ประมาณ 1 เดือน ที่ผ่านมาเวลาดื่มเหล้าเมาก็จะทะเลาะกันประจำ ก็เป็นธรรมดาของผัวเมีย แต่ครั้งนี้ทนไม่ไหวจริงเพราะนางวิไลด่าถึงบุพการี แต่ก็รู้สึกผิดและอยากจะขอโทษคนภรรยาที่ลงมือฆ่าก็ไม่อยากให้จองเวรจองกรรมต่อกัน ส่วนตนก็จะขอรับโทษที่ได้ก่อ
ขณะบรรยากาศที่บ้านที่เกิดเหตุทางญาติและเพื่อนบ้านก็กำลังช่วยกันจัดสถานที่เพื่อจัดงานศพ นางวิไล ผู้ตาย ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่คิดว่านายสิงห์ ซึ่งเพิ่งมาอยู่กินกับผู้ตายได้เพียงเดือนเดียว จะลงมือฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ได้ โดยเฉพาะ น.ส.ทุ่งทิวา อายุ 29 ปี ลูกสาวผู้ตาย บอกว่า หลังจากแม่อยู่กินกับนายสิงห์ ก็มีปากเสียงกันบ่อยเพราะทั้งคู่ก็ชอบดื่ม เวลาเมาแล้วก็อาจจะพูดจาไม่เข้าหูกันจึงทะเลาะกัน ซึ่งชาวบ้านก็ได้ยินจนเป็นเรื่องปกติ จึงไม่มีใครเข้าไปยุ่ง
ส่วนที่ผู้ตายอ้างว่าสาเหตุที่ลงมือฆ่าเพราะแม่ด่าบุพการีนั้น ก็เป็นคำกล่าวอ้างเพราะแม่ของตนตายไปแล้วไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นมาพูดหรือชี้แจงอะไร แต่ก็ยอมรับว่าแม่ตนเป็นคนปากร้ายพูดจาเสียงดัง แต่ถึงจะมีปากเสียงกันยังไงก็ไม่ควรจะลงทำกันรุนแรงถึงขั้นฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ น่าจะแค่ดุด่าก็พอแล้ว ส่วนตัวตนไม่ขออโหสิกรรมหรือให้อภัยคนก่อเหตุ อยากให้ตำรวจลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เป็นไปได้ประหารชีวิตไปเลย เพราะเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้ต้องหาก็เคยก่อเหตุฆ่าคนตายถูกจับติดคุกมาแล้ว พอพ้นโทษออกมา 4-5 ปี ก็มาก่อเหตุฆ่าแม่ของตัวเองอีก หากปล่อยออกมาก็ไม่รู้จะไปฆ่าใครตายอีก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายสิงห์ “ฆ่าคนตายโดยเจตนา”